ดนตรีบำบัด vs เรียนดนตรี

ดนตรีบำบัด VS เรียนดนตรี: เสียงดนตรีเดียวกัน แต่ความหมายต่างกัน

Chalat
11. มีนาคม 2025

ลองนึกภาพดูนะ… มีเด็กสองคนกำลังนั่งอยู่หน้าคีย์บอร์ดตัวเดียวกัน คนหนึ่งกำลังฝึกเล่นโน้ตตามแบบฝึกหัดที่ครูกำหนด อีกคนกำลังปล่อยให้นิ้วไหลไปตามอารมณ์ของตัวเอง กดคีย์ต่างๆ โดยไม่สนใจว่ามันจะออกมาเป็นเพลงที่ไพเราะหรือไม่

เด็กคนแรกกำลังเรียนดนตรี ส่วนเด็กคนที่สองอาจกำลังอยู่ในการบำบัดด้วยดนตรี

ถึงแม้ทั้งสองคนจะอยู่ต่อหน้าคีย์บอร์ดตัวเดียวกัน แต่จุดหมายปลายทางของพวกเขานั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง

ดนตรีบำบัดและการเรียนดนตรี: เหมือนหรือต่างกัน?


เป้าหมาย: การเรียนรู้ vs. การเยียวยา

การเรียนดนตรี เหมือนกับการเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางที่ชัดเจน ครูจะกำหนดเส้นทาง ฝึกฝนทักษะ และพัฒนาผู้เรียนไปสู่เป้าหมาย เช่น การเล่นเพลงให้ถูกต้อง หรือสอบผ่านเกรดดนตรี ส่วน ดนตรีบำบัด นั้นเปรียบเสมือนการเดินทางที่ไม่มีแผนที่ตายตัว มันเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยให้ผู้เข้ารับการบำบัดได้สำรวจตัวเอง ผ่านเสียงดนตรีที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง

อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเสียงดนตรี

การเรียนดนตรีมักมองไปข้างหน้า ผู้เรียนต้องเตรียมตัวซ้อมเพื่ออนาคต ฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้เก่งขึ้น ในขณะที่ดนตรีบำบัดให้ความสำคัญกับ “ช่วงเวลานี้” การเล่นดนตรีไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน แค่รู้สึกและปล่อยให้เสียงนำทางไป

ดนตรีที่เน้นกระบวนการ กับดนตรีที่เน้นผลลัพธ์

หากคุณเรียนดนตรี ครูจะบอกว่า “ลองเล่นให้ถูกจังหวะ” หรือ “ลองซ้อมอีกครั้งให้สมบูรณ์แบบ” เพราะสิ่งสำคัญคือ “ผลงานสุดท้าย” แต่ในดนตรีบำบัด คำถามจะเปลี่ยนไปเป็น “ตอนเล่นรู้สึกยังไง?” หรือ “เสียงที่เธอเลือกมันสะท้อนอะไรในใจเธอบ้าง?” ที่นี่ไม่มีคำว่าเล่นถูกหรือผิด มีแค่การเดินทางผ่านเสียงที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น

ครูสอนดนตรี vs. นักดนตรีบำบัด

ครูดนตรีมีหน้าที่สอน สร้างโครงสร้าง และทำให้ผู้เรียนเข้าใจหลักการทางดนตรี ในขณะที่นักดนตรีบำบัดไม่ได้สอนวิธีเล่นดนตรี แต่พวกเขาสร้างพื้นที่ให้ผู้เข้ารับการบำบัด ค้นพบตัวเอง ผ่านเสียงที่พวกเขาเล่นออกมา

เสียงดนตรีที่พูดได้ และเสียงดนตรีที่เงียบแต่มีความหมาย

ในห้องเรียนดนตรี คำพูดมีความสำคัญ ครูต้องอธิบายแนวคิดทางดนตรีและการเล่นอย่างถูกต้อง ในขณะที่ในดนตรีบำบัด บางครั้งแค่เสียงที่เปล่งออกมาก็เพียงพอแล้วโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ

กฎเกณฑ์ที่ยืดหยุ่น และกฎเกณฑ์ที่ตายตัว

นักเรียนดนตรีต้องทำตามกฎของดนตรี เช่น เล่นให้ตรงจังหวะ ใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ในขณะที่ในดนตรีบำบัด ไม่มีข้อกำหนดตายตัว ผู้เข้ารับการบำบัดสามารถใช้เสียงดนตรีในแบบที่พวกเขาต้องการ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกหรือผิด

อุปสรรค: สิ่งที่ต้องแก้ไขหรือสิ่งที่ต้องยอมรับ?

ถ้าคุณเรียนดนตรี คุณต้องฝ่าฟันความยากของบทเรียนและพัฒนาเทคนิคให้ดีขึ้น อุปสรรคคือสิ่งที่ต้องก้าวข้ามไปให้ได้ แต่ในดนตรีบำบัด บางครั้งอุปสรรคคือสิ่งที่ต้อง เผชิญและทำความเข้าใจ มากกว่าจะแก้ไขให้หมดไป

ดนตรีกับอารมณ์

ในดนตรีบำบัด อารมณ์คือทุกอย่าง เพราะดนตรีถูกใช้เป็นเครื่องมือสะท้อนความรู้สึก ในขณะที่การเรียนดนตรี อารมณ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแสดงออก บางครั้งเราต้องเล่นให้ถูกต้องก่อน แล้วค่อยเติมอารมณ์เข้าไปทีหลัง

อิสรภาพภายใน vs. อิสรภาพภายนอก

การเรียนดนตรีให้อิสรภาพในการเล่นและแสดงออก แต่ดนตรีบำบัดให้อิสรภาพจากภายใน ให้ผู้เข้ารับการบำบัดได้ปลดปล่อยสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจออกมา

การเตรียมตัว vs. การทบทวนตัวเอง

ถ้าคุณเรียนดนตรี คุณต้องซ้อม เตรียมตัวให้พร้อมก่อนขึ้นแสดง แต่ในดนตรีบำบัด เราให้ความสำคัญกับ “สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว” และสะท้อนมันออกมาเพื่อทำความเข้าใจตัวเองให้มากขึ้น

งานวิจัยเพิ่มเติม

ในปัจจุบันแม้ว่าจะยังไม่มีการทำวิจัยเปรียบเทียบโดยตรงระหว่างทั้งสองแนวทาง แต่ก็ยังมีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องซึ่งพอจะนำมาใช้เพื่อทำความเข้าใจความแตกต่างและประโยชน์ของดนตรีบำบัดและการเรียนดนตรีได้ดังนี้

1. การศึกษาเปรียบเทียบหลักสูตรดนตรีบำบัดในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ

งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการเปรียบเทียบหลักสูตรดนตรีบำบัดระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ โดยศึกษาชื่อปริญญา ระยะเวลาการศึกษา วิชาที่เปิดสอน และสัดส่วนของวิชา ผลการวิจัยพบว่ามีชื่อปริญญาที่แตกต่างกัน เช่น Bachelor of Music Education with Major in Music Therapy, Bachelor of Music Therapy และ Bachelor of Music in Music Therapy ระยะเวลาการศึกษาอยู่ระหว่าง 4 ถึง 4.5 ปี 

2. ผลของดนตรีบำบัดต่อความวิตกกังวลและสัญญาณชีพ

งานวิจัยนี้ศึกษาเกี่ยวกับผลของดนตรีบำบัดต่อความวิตกกังวลและการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ พบว่าดนตรีบำบัดสามารถลดความวิตกกังวล ลดอัตราการเต้นของหัวใจ และอัตราการหายใจได้อย่างมีนัยสำคัญ 

3. การจัดการกิจกรรมดนตรีบำบัดสำหรับเด็กออทิสติกและเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ

บทความนี้นำเสนอแนวทางการจัดกิจกรรมดนตรีบำบัดสำหรับเด็กออทิสติกและเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ โดยเน้นการพัฒนาทักษะทางสังคมและการสื่อสารของเด็กผ่านกิจกรรมดนตรี

บทสรุป: ดนตรีของคุณคือแบบไหน?

ดนตรีบำบัดและการเรียนดนตรีอาจใช้เครื่องดนตรีเหมือนกัน แต่วิธีที่เรามองและใช้มันนั้นต่างกัน

• ถ้าคุณอยากพัฒนาทักษะดนตรี คุณอาจต้องการ ครูสอนดนตรี

• ถ้าคุณอยากเข้าใจตัวเองผ่านเสียงดนตรี คุณอาจต้องการ นักดนตรีบำบัด

สุดท้ายแล้ว ดนตรีคือภาษาหนึ่งที่เราทุกคนสามารถใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการพัฒนา หรือเพื่อการเยียวยา ขอแค่คุณได้เล่นมันในแบบที่เป็นตัวเองที่สุด แล้วคุณล่ะ? เวลาคุณเล่นดนตรี คุณกำลังเรียน หรือกำลังบำบัดตัวเองอยู่กันแน่?


บทความเพิ่มเติม: ดนตรีบำบัดคืออะไร?

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับดนตรีบำบัดกับเรา ที่ Thai Musiktherapie!

อ่านต่อ…

เสียงและดนตรี: เส้นทางสู่การเยียวยาและการบำบัด

เสียงและดนตรี: เส้นทางสู่การเยียวยาและการบำบัด

เสียงและดนตรีเป็นมากกว่าเครื่องบันเทิงใจ—แต่คือพลังที่สามารถเข้าถึงและปรับสมดุลทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณ ตั้งแต่การสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงที่เชื่อมโยงกับทุกสรรพสิ่งในจักรวาล การเปล่งเสียงสั้น ๆ เพื่อผ่อนคลาย ไปจนถึงการใช้เทคนิค “ดนตรีบำบัด” (Music Therapy) อย่างเป็นระบบ บทความนี้จะพาคุณเปิดโลก “เสียงและดนตรี” ในมิติแห่งการเยียวยา เพื่อค้นพบมุมมองใหม่และทางเลือกในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้อย่างน่าประหลาดใจ

ดนตรีบำบัดกับโรคซึมเศร้า

ดนตรีบำบัดกับโรคซึมเศร้า

ดนตรีบำบัดสามารถช่วยผู้ป่วยซึมเศร้าให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ การเล่นดนตรี การฟังเพลงนอกจากจะช่วยให้ผู้ป่วยหยุดความคิดฟุ้งซ่านในหัวได้แล้วยังช่วยสะท้อนให้ได้ยินตัวตนที่แท้จริงอีกด้วย

0 ความคิดเห็น

ส่งความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *